บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนกรกฎาคม 2563 ได้เงินช่วยเหลืออะไรบ้าง เข้าบัตรคนจนวันไหน มีอะไรบ้าง

เช็กสิทธิ์ทุกประเภท ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน กรอกปุ๊บรู้ทันทีได้เงินอะไรบ้าง?

มีวิธีตรวจสอบสิทธิ์ดังกล่าวได้ง่ายๆ ด้วยการกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก โดยกรมบัญชีกลางได้เปิดเผยกับเราว่าสามารถเข้าไปในระบบเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ได้ที่เว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง https://govwelfare.cgd.go.th/welfare/check

check

ถ้าคนที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสวัสดิการต่างๆ ระบบก็จะแสดงผลออกมาทันที แต่ถ้าไม่ได้รับสิทธิ์ระบบจะแสดงผลว่า “ไม่พบสิทธิ์” ตามภาพดังกล่าว

check1

อย่างไรก็ตาม ผู้ตรวจสอบสิทธิ์สามารถลงทะเบียนเพื่อขอใช้ระบบตรวจสอบประวัติการรับสิทธิสวัสดิการสังคมได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางยังระบุเพิ่มเติมว่า ระบบดังกล่าวเป็นเพียงการตรวจสอบข้อมูลว่าได้มีสิทธิ์ได้อะไรบ้าง ส่วนจำนวนเงินหรือยอดวงเงินนที่จะได้รับ หรือไม่ได้รับนั้นต้องไปตรวจสอบที่ต้นทาง เช่น เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ต้องติดต่อที่เจ้าหน้าที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน และเบี้ยผู้พิการ ติดต่อที่ อบต. เป็นต้น

วันที่ 1 กรกฎาคม 2563

วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาทต่อเดือน

         
          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)

ค่ารถโดยสารสาธารณะ

ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้) แบ่งเป็น

  • ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน (ใช้ชำระค่าโดยสารด้วยระบบ e-Ticket)
  • ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
  • ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน

วันที่ 15 กรกฎาคม 2563

เงินผู้สูงอายุ 50-100 บาท

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพเพิ่มเติม ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2563 โดยคาดว่าจะมีการเริ่มจ่ายให้ในทุกวันที่ 15 ของเดือน ตามกำหนดเดิม ซึ่งจะได้รับอัตรา ดังนี้

  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 0-30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 100 บาท
  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 30,001-100,000 บาท ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 50 บาท

เงินคืนภาษี VAT 5%

          สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เติมเงินเข้าบัตร แล้วใช้เงินจากบัตรรูดซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครื่อง EDC ที่มีการเชื่อมต่อระบบ POS ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 – 30 กันยายน 2563 รัฐจะคืนภาษี VAT 5% ให้ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเงินส่วนนี้สามารถนำบัตรคนจนไปกดเป็นเงินสดออกมาใช้ หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าฯ และร้านค้าอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการได้

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : เป็นผู้ที่เติมเงินเข้าบัตรคนจน แล้วใช้บัตรจ่ายเงินซื้อของในเดือนพฤษภาคม 2563 จึงจะได้รับเงินภาษี VAT 5% คืนเข้าบัตร ตามยอดใช้จ่าย เช่น

  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 100 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจน 5 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 200 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจน 10 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 500 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจน  25 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 1,000 บาท คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจน 50 บาท

    ทั้งนี้ ยอดเงินคืนสูงสุดจะไม่เกิน 500 บาท/เดือน

วันที่ 18 กรกฎาคม 2563

ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/เดือน/ครัวเรือน

ต่ออายุให้จากมาตรการเดิม โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท/เดือน/ครัวเรือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 รวมระยะเวลา 11 เดือน

          ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อย แต่หากยังไม่เคยลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่

ลงทะเบียนรับสิทธิ์จากการประปานครหลวง

ลงทะเบียนรับสิทธิ์จากการประปาส่วนภูมิภาค 

ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/เดือน/ครัวเรือน

เป็นการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือเช่นเดียวกับค่าน้ำประปา โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท/เดือน/ครัวเรือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 รวมระยะเวลา 11 เดือน

ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อย หากยังไม่เคยลงทะเบียน สามารถลงทะเบียนได้ที่นี่

ลงทะเบียนรับสิทธิ์การไฟฟ้านครหลวง

ลงทะเบียนรับสิทธิ์จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ วันที่เงินเข้าบัตรคนที่ระบุไว้ เป็นวันที่เริ่มทยอยจ่าย ผู้ถือบัตรคนจนบางรายจึงอาจจะได้รับเงินหลังจากวันที่ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลการจ่ายเงินได้ที่ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 0 2109 2345 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-17.30 น.

ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมบัญชีกลางระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Scroll to Top