หลักเกณฑ์ ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ “โควิด” 5,000 บาท

วันนี้ (24 มี.ค.) ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 26 มี.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจซึ่งจะครอบคุลมประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งในและนอกระบบ ก่อนที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะแถลง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า ระยะที่ 2 ในเวลาต่อมา

หนึ่งในมาตรการที่เป็นที่สนใจอย่างมาก คือ มาตรการชดเชยรายได้ ด้วยการมอบเงินเยียวยาจำนวน 5 พันบาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งจะชดเชยให้แก่ แรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการของสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเช่น สนามมวย สนามกีฬา ผับ สถานบันเทิง โรงมหรสพ นวดแผนโบราณ สปา ฟิตเนส และสถานบริการอื่น ๆ

การสนับสนุนเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเดือน เมษายน – มิถุนายน 2563 จะดำเนินการผ่านการลงทะเบียนแสดงความจำนง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ และรับโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีธนาคารกรุงไทยเป็นผู้รับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ

ทั้งนี้ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คาดว่า ประชาชนจะสามารถเริ่มลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์และช่องทางออนไลน์อื่นๆ ได้ภายในสัปดาห์นี้

หลักเกณฑ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน

  • ลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2563
  • ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ ได้แก่ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลบริษัทนายจ้าง ข้อมูลปัญหาความเดือดร้อน และ ข้อมูลบัญชีพร้อมเพย์หรือบัญชีธนาคาร
  • สามารถรับเงินจำนวน 5,000 บาท 5 วันหลังจากลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์
  • การจ่ายเงินจะโอนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น พร้อมเพย์ โอนเข้าบัญชีธนาคาร หรือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
  • ธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ที่มา: คำอธิบายของ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระหว่างแถลงข่าววันที่ 24 มี.ค. 2563 และ เอกสารฉบับที่ 26/2563 ของกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนในการลงทะเบียนมีรายละเอียด ดังนี้…

          1. เข้าลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com คาดว่าเว็บไซต์จะแล้วเสร็จในวันที่ 28 มีนาคม นี้ หรือติดตามประกาศจากทางการในลำดับต่อไป

          2. เตรียมหลักฐานสำหรับลงทะเบียน ได้แก่ หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลบริษัทนายจ้าง, ข้อมูลปัญหาความเดือดร้อน และข้อมูลบัญชีพร้อมเพย์ หรือบัญชีธนาคาร

          3. เงินเยียวยาจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร ภายใน 5 วัน หลังการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์

          อย่างไรก็ตาม การลงทะเบียนดังกล่าว จำกัดสิทธิ์เพียง 3 ล้านรายเท่านั้น โดยผู้ที่สามารถลงทะเบียนได้ ต้องเป็นลูกจ้างชั่วคราว, อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม แต่ในส่วนของผู้ที่อยู่ในประกันสังคม จะสามารถเพิ่มสิทธิกรณีว่างงาน 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง โดยกรณีนายจ้างไม่ให้ทำงาน รับเงินไม่เกิน 180 วัน และกรณีรัฐสั่งหยุด รับเงินไม่เกิน 90 วัน โดยธนาคารกรุงไทย จะเป็นผู้รับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ
          ท่านสามารถอ่านมาตรการการช่วยเหลืออื่น ๆ รวมไปถึงมาตรการให้กู้เงิน 10,000 บาทดอกเบี้ยเพียง 0.1% ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีหลักประกัน

ดย มาตรการระยะที่ 2 สำหรับเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน มีทั้งสิ้น 8 มาตรการ ได้แก่..

เพิ่มสภาพคล่อง

1. สนับสนุนเงิน คนละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2563) : ให้เงินเยียวยาแรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ระบบประกันสังคม จากการปิดที่เสี่ยงต่อการระบาดชั่วคราว จำนวน 3 ล้านคน

    สำหรับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม : เพิ่มสิทธิกรณีว่างงาน 50 เปอร์เซ็นต์ ของค่าจ้าง โดยกรณีนายจ้างไม่ให้ทำงาน รับเงินไม่เกิน 180 วัน และกรณีรัฐสั่งหยุด รับเงินไม่เกิน 90 วัน โดยธนาคารกรุงไทย จะเป็นผู้รับลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ

2. สินเชื่อฉุกเฉิน 10,000 บาทต่อราย : วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.1 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 40,000 ล้านบาท (ธนาคารออมสิน 20,000 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. 20,000 ล้านบาท) ระยะเวลากู้ ไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563

3. สินเชื่อพิเศษ 50,000 บาทต่อราย : โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อ วงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.35 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน มีหลักประกัน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563

4. สำนักงานธนานุเคราะห์ รับจำนำดอกเบี้ยต่ำ : เพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากที่ได้รับผลกระทบ โดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท ให้แก่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในนามของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) คิดดอกเบี้ยจากประชาชนในอัตราไม่เกิน 0.125 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ระยะเวลา 2 ปี

ลดภาระ

5. ยืดการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : เลื่อนกำหนดเวลาการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไป จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2563

6. หักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น : เพิ่มวงเงินลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ จาก 15,000 บาท เป็น 25,000 บาท เมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีภาษี 2563 เป็นต้นไป

7. ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าเสี่ยงภัยให้บุคลากรทางการแพทย์

เพิ่มทักษะ

8. ฝึกอบรมมีเงินใช้ : ฝึกอบรม เพิ่มทักษะอาชีพหรือจัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงนักศึกษาที่ยังหางานไม่ได้, ขยายฝึกอบรมผ่านภาคีเครือข่าย เช่น มูลนิธิโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือกองทุนหมู่บ้าน

1 thought on “หลักเกณฑ์ ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ “โควิด” 5,000 บาท”

Leave a Comment

Your email address will not be published.

Scroll to Top